Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักเทรดในตลาดการเงินประเภทต่างๆ เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ฟอเร็กซ์ และดัชนี
1. Fibonacci และกำเนิดแนวคิด
- ที่มา: แนวคิดของ Fibonacci มาจากลำดับตัวเลขที่ค้นพบโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อ Leonardo Fibonacci ในศตวรรษที่ 13 ลำดับนี้เริ่มต้นด้วย 0 และ 1 โดยตัวเลขถัดไปแต่ละตัวคือผลรวมของตัวเลขสองตัวก่อนหน้า (0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, …)
- ความสัมพันธ์ในธรรมชาติ: ลำดับตัวเลขนี้มีความสัมพันธ์ที่น่าทึ่งกับสัดส่วนต่างๆ ที่พบในธรรมชาติ เช่น ลายเส้นของใบไม้ เกลียวของก้นหอย และสัดส่วนของร่างกายมนุษย์ ซึ่งมักถูกเรียกว่า “Golden Ratio” หรืออัตราส่วนทองคำ แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่า “Fibonacci Retracement จะเห็นได้ทั่วธรรมชาติ และเป็นวิธีที่มนุษย์และธรรมชาติประพฤติตัว”
- การนำมาใช้ในการเทรด: นักลงทุนสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของตลาดก็มีสัดส่วนคล้ายคลึงกับลำดับ Fibonacci จึงนำมาใช้ในการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาระดับแนวรับ-แนวต้าน จุดซื้อ-ขาย และจุด Stop Loss
2. Fibonacci Retracement คืออะไร
- คำจำกัดความ: Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อระบุระดับราคาที่มีนัยสำคัญซึ่งราคามีแนวโน้มที่จะย้อนกลับหรือพบแนวรับ/แนวต้าน
- หลักการ: เครื่องมือนี้อิงตามหลักการทางคณิตศาสตร์ของอัตราส่วน Golden Ratio โดยจะสร้างระดับ (Level) ต่างๆ บนกราฟราคาตามอัตราส่วนที่ได้มาจากลำดับ Fibonacci
- อัตราส่วนหลัก: ระดับ Fibonacci Retracement ที่นิยมใช้ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6% แหล่งข้อมูลหนึ่งกล่าวว่า “ในการคำนวณระดับ Fibonacci retracement เทรดเดอร์จะทำการตีเส้น 6 ลงบนชาร์ต… เส้นที่เหลืออีก 4 เส้น ตัวโปรแกรมจะตีให้เองโดยอัตโนมัติโดยเส้นเหล่านี้คือ 61.8%, 50%, 38.2% และ 23.6% ตามกฎอัตราส่วน Golden Ratio ซึ่ง Level เหล่านี้ควรใช้เป็นแนวรับและแนวต้านที่มีนัยสำคัญ” แหล่งข้อมูลอื่นยังกล่าวถึงระดับ 50% และ 78.6% ด้วย
- Fibonacci Gold Zone: แหล่งข้อมูลหนึ่งได้ระบุระดับ 0.5 (50%) และ 0.618 (61.8%) ว่าเป็น “Fibonacci gold Zone ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คุณต้องการเข้าสู่การซื้อขายของคุณ”
3. วิธีการใช้งาน Fibonacci Retracement
- การวาด: การวาด Fibonacci Retracement ทำได้โดยการคลิกเครื่องมือบนแพลตฟอร์มการเทรดและลากเส้นจากจุดสูงสุด (Swing High) ไปยังจุดต่ำสุด (Swing Low) ในกรณีเทรนด์ขาลง หรือลากจากจุดต่ำสุด (Swing Low) ไปยังจุดสูงสุด (Swing High) ในกรณีเทรนด์ขาขึ้น (หรือกลับกันขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม) แหล่งข้อมูลหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าคุณกำลังเทรดขาขึ้น ให้วาดเส้นจากจุดต่ำสุดขึ้นไปยังจุดสูงสุด แต่ถ้าคุณกำลังเทรดขาลง ก็ให้วาดเส้นจากจุดสูงสุดลงมายังจุดต่ำสุด”
- การปรับตั้งค่า: แหล่งข้อมูลหนึ่งแนะนำให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่าเครื่องมือให้เหมือนกับผู้สอน เพื่อให้ได้ระดับ Fibonacci ที่ถูกต้อง
- การหาจุดเข้าเทรด: ระดับ Fibonacci Retracement มักถูกใช้เพื่อหาจุดเข้าเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณแนวรับและแนวต้าน แหล่งข้อมูลหนึ่งแนะนำให้มองหา “การกลับรายการของ price action ที่จุดนั้น” ในบริเวณ Fibonacci gold Zone (50% และ 61.8%) แหล่งข้อมูลอื่นๆ ยังได้อธิบายวิธีการใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับแนวคิด Demand Supply หรือ QM Zone เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณ 61.8% ถึง 78.6% สำหรับ QM Zone
- การหาจุดทำกำไร (Take Profit): Fibonacci Retracement สามารถใช้กำหนดเป้าหมายการทำกำไรได้เช่นกัน แหล่งข้อมูลหนึ่งแนะนำให้ใช้ระดับติดลบ (-382, -618, -1.618) เป็นจุด Take Profit ที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ แหล่งข้อมูลอื่นแนะนำให้ใช้ Fibonacci Extension เพื่อหาจุด Take Profit โดยเฉพาะระดับ 127.2, 161.8 และ 200 ซึ่งเป็นค่าที่ราคามักจะทดสอบบ่อยๆ
- การหาจุด Stop Loss: Fibonacci Retracement ยังช่วยในการวางจุด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- การใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน: ระดับ Fibonacci ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน “เมื่อราคาย่อ (pull back) กลับลงมา ราคามันจะลงมาใกล้เคียง (บ่อยครั้งจะพอดีเป๊ะ) กับ Fibonacci level และเมื่อราคาทะลุ level ใด ๆ ราคาก็มักจะวิ่งไปสู่ level ต่อไปเสมอ”
4. ข้อควรพิจารณาในการใช้ Fibonacci Retracement
- ต้องใช้ในเทรนด์ที่ชัดเจน: Fibonacci Retracement มีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อใช้ในขณะที่ตลาดมีเทรนด์ที่ชัดเจนว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง เนื่องจากสามารถค้นหาจุดสูงสุดและต่ำสุดเพื่อใช้สร้างระดับได้ง่าย “Fibonacci Retracement จะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อเราใช้ในขณะที่ตลาดมีความชัดเจนว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง”
- ไม่ควรเป็นเครื่องมือหลัก: แหล่งข้อมูลหนึ่งเน้นย้ำว่า Fibonacci “ไม่ควรนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการเทรด” สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ความสามารถในการเห็น Market context/environment หรือการมองเห็นสถารการณ์ในภาพรวมให้ได้เสียก่อน จึงค่อยนำ Fibonacci มาใช้”
- ความสำคัญของ Timeframe: เครื่องมือนี้มีความสำคัญมากกว่าใน Timeframe ที่สูงกว่า “โปรดจำไว้ว่ามันมีความสำคัญมากกว่าในกรอบเวลาที่สูงกว่าในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า” แต่ก็ยังสามารถใช้เพื่อ Scalping ใน Timeframe ที่เล็กลงได้
- ใช้กับสินทรัพย์ขนาดใหญ่: การใช้ Fibonacci Retracement กับเหรียญหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดสูงๆ มักจะมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือกว่าการใช้กับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดต่ำ
5. ประเภทอื่นๆ ของ Fibonacci (นอกเหนือจาก Retracement)
- Fibonacci Extension: ใช้เพื่อวัดว่าราคาสามารถยืดออกไปได้ไกลแค่ไหน (ระดับที่สูงกว่า 100%) นิยมใช้เพื่อหาจุดทำกำไร
- Fibonacci Projection (หรือ Expansion): ใช้ดูการเคลื่อนไหวของราคาหลังจากที่ราคาย่อตัวหรือเด้งขึ้น เพื่อดูว่ามีโอกาสไปต่อถึงเป้าหมายใด นิยมใช้ในการวิเคราะห์ Elliott Wave
สรุปโดยรวม:
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดในการระบุระดับราคาที่มีแนวโน้มจะเป็นแนวรับหรือแนวต้าน ช่วยในการตัดสินใจในการเข้าและออกจากการซื้อขาย รวมถึงการวางจุด Stop Loss อย่างไรก็ตาม ควรใช้เครื่องมือนี้ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ Market context และเครื่องมืออื่นๆ และใช้ในตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด