เตรียมสอบ ITPE -ข้อสอบเก่าปี 2024

โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับ WBS (Work Breakdown Structure) ได้อย่างเหมาะสมที่สุด


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) :white_check_mark:
    → บอกว่า WBS กำหนดรายละเอียดของกิจกรรมและสิ่งที่ต้องส่งมอบ
    → ทำให้สามารถใช้ในการประมาณจำนวนแรงงาน (person-days) ได้
    :white_check_mark: ถูกต้อง!
    → เพราะ WBS คือการแตกงานโครงการเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อ ระบุสิ่งที่ต้องส่งมอบ และนำไปสู่การประมาณทรัพยากร
  • b)
    → พูดถึงกิจกรรมที่อยู่นอกขอบเขตโครงการ
    :x: WBS คือสิ่งที่อยู่ “ในขอบเขตโครงการ” เท่านั้น กิจกรรมที่อยู่นอกขอบเขตจะไม่อยู่ใน WBS
  • c)
    → บอกว่า WBS ต้องแบ่งให้เท่ากันในทุก ๆ โครงการ
    :x: ไม่จำเป็นต้องมีขนาดเท่ากันในทุกโครงการ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน
  • d)
    → พูดถึงการจัดกลุ่มกิจกรรมซ้ำซ้อนเป็นกลุ่มใหม่
    :x: WBS มุ่งเน้นการแตกย่อยงาน ไม่ใช่การรวมกิจกรรมซ้ำซ้อน

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ a) WBS กำหนดรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ และสิ่งที่ต้องส่งมอบ ทำให้สามารถนำมาใช้เพื่อประมาณการจำนวนวันแรงงานได้

คำตอบที่ถูกต้องคือ b) (i), (ii), (iii), (iv)

เหตุผล:

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ในโครงการพัฒนาระบบนี้ หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับโครงการ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งในกรณีนี้ประกอบด้วย:

  • (i) ฝ่ายบริหารของบริษัท A: เป็นผู้ว่าจ้างและมีผลประโยชน์โดยตรงต่อความสำเร็จของโครงการ เนื่องจากระบบที่พัฒนาขึ้นจะส่งผลต่อการดำเนินงานและเป้าหมายของบริษัท A
  • (ii) แผนกผู้ใช้งานของบริษัท A: เป็นผู้ที่จะใช้งานระบบที่พัฒนาขึ้นโดยตรง ดังนั้นความสำเร็จของโครงการจึงมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขา
  • (iii) ผู้จัดการโครงการของบริษัท B: เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการและนำทีมพัฒนาของบริษัท B ให้สามารถส่งมอบโครงการได้ตามข้อตกลง ดังนั้นความสำเร็จของโครงการจึงส่งผลต่อชื่อเสียงและความก้าวหน้าของเขา
  • (iv) พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท B ที่ให้การสนับสนุนทางเทคนิค: เนื่องจากเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางเทคนิค ความสำเร็จของโครงการอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจและความร่วมมือในอนาคตระหว่างทั้งสองบริษัท

ดังนั้น ทุกฝ่ายที่กล่าวมาข้างต้นจึงถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในโครงการนี้


โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดอธิบาย “กิจกรรมการจัดการบริการไอที (IT Service Management Activity)” ได้อย่างเหมาะสมที่สุด


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a)
    → พูดถึงการกำหนด ระดับวุฒิภาวะ (maturity level) 1–5
    :x: นี่คือเรื่องของ Process Maturity หรือ CMMI ไม่ใช่ IT Service Management โดยตรง
  • b)
    → พูดถึงการกำหนดบทบาท ความรับผิดชอบ และการบริหารบุคลากรเพื่อพัฒนาโครงการ
    :x: ฟังดูเหมือนเรื่อง Project Management มากกว่า ไม่ใช่ IT Service Management
  • c) :white_check_mark:
    → พูดถึง การทำดัชนีวัดความพร้อมใช้งานของระบบ, การจัดทำบันทึกความพร้อมใช้งาน, การวางแผน, การจัดซื้อจัดจ้าง, การพัฒนา
    :white_check_mark: ตรงที่สุดกับแนวคิด IT Service Management (ITSM)
    → เพราะ ITSM เน้นเรื่อง การวางแผน, ให้บริการระบบ IT, และปรับปรุงคุณภาพบริการ อย่างต่อเนื่อง
  • d)
    → พูดถึงการนำส่งสิ่งที่ต้องส่งมอบในกิจกรรมพัฒนาใหม่ ๆ
    :x: ฟังดูเหมือน การส่งมอบงานในโครงการ (Project Delivery) ไม่ใช่การ “จัดการบริการ” ของระบบ IT

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ c) คือการกำหนดดัชนีเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของระบบ การวางแผน การจัดซื้อจัดจ้าง และการพัฒนา


โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า กิจกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมและพัฒนาระดับการให้บริการ (Service Level) โดยเน้น Monitoring + Review ตาม SLA เรียกว่าอะไร


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) CSR (Corporate Social Responsibility)
    → การทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น รักษ์สิ่งแวดล้อม, ช่วยเหลือสังคม
    :x: ไม่เกี่ยวกับการควบคุมการให้บริการตาม SLA
  • b) ERP (Enterprise Resource Planning)
    → ระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กร เช่น HR, Finance, Inventory
    :x: ไม่เกี่ยวกับ SLA หรือ Service Level
  • c) SLM (Service Level Management) :white_check_mark:
    :white_check_mark: ตรงที่สุด!
    → SLM คือ การจัดการระดับการให้บริการ ครอบคลุม
    • Monitoring การให้บริการ
    • Review ผลการให้บริการ
    • พัฒนา/ปรับปรุงให้ตรงตาม SLA (Service Level Agreement)
  • d) SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats)
    → การวิเคราะห์สถานการณ์เชิงกลยุทธ์
    :x: ไม่เกี่ยวกับการวัดหรือควบคุมการให้บริการตาม SLA

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ c) SLM (Service Level Management)


โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดเป็น “มาตรการที่เหมาะสมสำหรับการจัดการสถานที่ (Facility Management)” ซึ่งเน้น การบำรุงรักษาและปกป้องสถานที่และอุปกรณ์


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) :white_check_mark:
    → พูดถึง การวางแผนการจัดหาเชื้อเพลิง เพื่อให้เครื่องไฟฟ้าสำรองทำงานได้
    :white_check_mark: ตรงกับการจัดการสถานที่ (Facility Management) เพราะเกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า/เครื่องกำเนิดไฟ
  • b)
    → พูดถึงการจัดการทรัพย์สินไอที (IT Asset Management) เช่น ซอฟต์แวร์
    :x: นี่เป็น IT Asset Management ไม่ใช่ Facility Management
  • c)
    → การตั้ง screen saver เพื่อป้องกันการใช้งานผิดกฎหมาย
    :x: เป็นมาตรการด้าน IT Security ไม่ใช่การจัดการสถานที่
  • d)
    → พูดถึงการกำหนด firewall rules เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    :x: นี่เป็น Cybersecurity ไม่เกี่ยวกับ facility หรือสถานที่เลย

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ a) การทบทวนแผนการจัดหาเชื้อเพลิงเพื่อให้เพียงพอต่อการคงระดับระบบเครื่องไฟฟ้าสำรอง


โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดอธิบายได้ตรงที่สุด สำหรับการ “รับประกันการให้บริการ” (Service Availability) ซึ่งเน้น ความพร้อมใช้งานของระบบส่งข้อความด่วน (High Availability)


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) :white_check_mark:
    → บอกว่า สามารถใช้งานบริการได้ 24 ชั่วโมง, 365 วันต่อปี
    :white_check_mark: ตรงที่สุด!
    → เพราะ ความพร้อมใช้งาน (Availability) หมายถึงบริการต้องเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่มี downtime
  • b)
    → พูดถึงการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่น ๆ
    :x: เป็นเรื่องของ Interoperability ไม่ใช่เรื่อง “ความพร้อมใช้งาน” โดยตรง
  • c)
    → บอกว่าใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
    :x: เป็นเรื่องของ ค่าใช้บริการ (Cost) ไม่เกี่ยวกับ “Availability”
  • d)
    → พูดถึงการใช้งานร่วมกับไอคอนต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สร้าง
    :x: เป็นเรื่องของ ฟีเจอร์เสริม (Customization) ไม่เกี่ยวกับความพร้อมใช้งาน

:white_check_mark: ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ a) สามารถใช้งานบริการได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน, 365 วันต่อปี


โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดกล่าวถึง “เป้าหมายในการตรวจสอบระบบ (System Audit)” ได้อย่างเหมาะสม


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a)
    → บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบระบบสารสนเทศที่ใช้ในบริษัทเอกชน
    :x: ผิด เพราะไม่ว่าระบบจะใช้ในองค์กรไหน (เอกชนหรือรัฐ) ถ้าเป็นระบบที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ควรมีการตรวจสอบ
  • b)
    → บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบระบบสารสนเทศที่ไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
    :x: ผิด เพราะระบบที่ไม่ได้เชื่อมอินเทอร์เน็ตก็ยังเสี่ยง เช่นเรื่องการเข้าถึงข้อมูลภายใน ต้องมีการ audit เหมือนกัน
  • c)
    → บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมทางบัญชี
    :x: ผิดอีก เพราะ System Audit ไม่ได้จำกัดแค่บัญชี ตรวจสอบทั้ง การดำเนินงาน, ความปลอดภัย, ประสิทธิภาพ
  • d) :white_check_mark:
    → บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้งานระบบสารสนเทศ
    :white_check_mark: ถูกต้อง!
    → ถ้าเป็นกิจกรรมที่ทำด้วยมือ (manual) หรือไม่มีระบบไอทีเกี่ยวข้อง → ไม่อยู่ในขอบเขต “System Audit” เพราะ Audit นี้เน้นตรวจ “ระบบสารสนเทศ”

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ d) ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานระบบสารสนเทศ

โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า ข้อใดเป็นคำที่ถูกต้อง สำหรับ “การมอบหมายบทบาทหน้าที่ที่มีการตรวจสอบระหว่างกัน” เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการกระทำผิดหรือผิดพลาด


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) การมอบอำนาจ (delegation of authority)
    → คือการมอบหมายงาน/อำนาจให้คนอื่นทำแทน
    :x: ไม่เน้นการ “ตรวจสอบระหว่างกัน” เท่าไหร่
  • b) การแบ่งแยกหน้าที่ (segregation of duty) :white_check_mark:
    :white_check_mark: ตรงที่สุด!
    → คือการแยกบทบาทหน้าที่ เช่น คนสั่งซื้อไม่ใช่คนอนุมัติจ่ายเงิน
    → วัตถุประสงค์เพื่อให้มี การตรวจสอบถ่วงดุลกัน ลดความเสี่ยงผิดพลาดหรือทุจริต
  • c) การเฝ้าสังเกต (monitoring)
    → คือการเฝ้าตรวจสอบโดยตรง (เช่น supervisor ตรวจ)
    :x: ใกล้เคียง แต่ ไม่ได้เน้นเรื่องการแบ่งบทบาทหน้าที่ ระหว่างบุคคล
  • d) การกระจายความเสี่ยง (diversification of risk)
    → คือการลดความเสี่ยงโดยการลงทุนหรือทำหลาย ๆ ทาง
    :x: เป็นเรื่องของ “การลงทุน/การบริหารความเสี่ยง” ไม่เกี่ยวกับการแบ่งงานในองค์กร

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ b) การแบ่งแยกหน้าที่ (segregation of duty)

โจทย์สรุปว่า:
แผนกขายเป็นผู้ใช้ระบบป้อนคำสั่งซื้อ
แผนกบัญชีเป็นผู้ใช้ระบบบัญชี
ถามว่า ข้อใดเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมเกี่ยวกับการควบคุมภายใน (Internal Control) ของรายงานทางการเงิน


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a)
    → บอกว่าแผนกขายไม่ต้องมีส่วนร่วมในการควบคุมภายใน
    :x: ผิด เพราะแผนกขายมีผลต่อยอดขาย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในรายงานการเงิน → ต้องมีการควบคุมภายในด้วย
  • b)
    → บอกว่าแผนกบัญชีต้องมีส่วนร่วมเท่านั้น
    :x: ผิด เพราะแผนกขายก็มีผลกระทบ ต้องมีการควบคุมด้วยเช่นกัน
  • c) :white_check_mark:
    → บอกว่าการควบคุมภายในต้องครอบคลุมทุกฝ่ายที่มีผลกระทบต่อรายงานทางการเงิน เช่น แผนกขาย, แผนกบัญชี และแผนกระบบสารสนเทศ
    :white_check_mark: ถูกต้องที่สุด เพราะรายงานการเงิน = ผลรวมข้อมูลจากหลายแผนก → ต้องมีการควบคุมทุกจุดที่เกี่ยวข้อง
  • d)
    → บอกว่าควบคุมเฉพาะแผนกบัญชี ไม่ต้องสนใจแผนกขาย
    :x: ผิด เพราะแผนกขายมีผลต่อยอดขาย ต้องอยู่ในการควบคุมเช่นกัน

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ c) การควบคุมภายในต้องครอบคลุมทุกฝ่ายที่มีผลกระทบต่อรายงานทางการเงิน เช่น แผนกขาย, แผนกบัญชี และแผนกระบบสารสนเทศ

โจทย์สรุปว่า:
ถามว่า CFO (Chief Financial Officer) มี ขอบเขตรับผิดชอบ ด้านใดเป็นหลัก


วิเคราะห์ตัวเลือก:

  • a) เทคโนโลยี (technology)
    :x: ผิด — ด้านเทคโนโลยีเป็นความรับผิดชอบของ CIO (Chief Information Officer) หรือ CTO
  • b) การเงิน (finance) :white_check_mark:
    :white_check_mark: ถูกต้อง — CFO คือ ผู้บริหารระดับสูงด้านการเงิน ขององค์กร รับผิดชอบงบการเงิน การบริหารเงินสด การวางแผนงบประมาณ การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ฯลฯ
  • c) สารสนเทศ (information)
    :x: ผิด — เหมือนข้อ (a) เป็นหน้าที่ของฝ่าย IT หรือฝ่ายสารสนเทศ
  • d) บุคคล (personnel)
    :x: ผิด — เป็นหน้าที่ของ HR (Human Resources) หรือ CPO (Chief People Officer)

:white_check_mark: สรุปคำตอบที่ถูกต้องคือ:

ข้อ b) การเงิน (finance)

ถามว่า ต้องใช้เนื้อสัตว์กี่กรัม

ข้อมูลในตารางให้มา:

  • 1 กล่อง = เกี๊ยวซึ่ง 5 ชิ้น + ข้าว 300 กรัม
  • 1 เกี๊ยวซึ่ง = 1 แผ่นเกี๊ยว + ไส้เกี๊ยว 20 กรัม
  • 100 กรัม ไส้เกี๊ยว = เนื้อสัตว์ 60 กรัม + หอมหัวใหญ่ 30 กรัม

ขั้นตอนคำนวณ:

1. หาจำนวนเกี๊ยวซึ่งที่ต้องใช้

  • 1 กล่อง ใช้ 5 ชิ้น
  • 100 กล่อง → 500100×5=500 \text{ ชิ้น}

2. หาน้ำหนักไส้เกี๊ยวทั้งหมด

  • 1 ชิ้นใช้ไส้เกี๊ยว 20 กรัม
  • 500 ชิ้น → 500×20=10,000 \text{ กรัม}

3. คำนวณจากน้ำหนักไส้เกี๊ยว ไปหาเนื้อสัตว์

  • 100 กรัม ไส้เกี๊ยว = 60 กรัม เนื้อสัตว์
  • ดังนั้น 10,000 กรัม ไส้เกี๊ยว →

(10,000 \times 60) \div 100 = 6,000 \text{ กรัมเนื้อสัตว์}


สรุป:

ต้องใช้เนื้อสัตว์ 6,000 กรัม

:white_check_mark: ดังนั้นคำตอบคือ ข้อ c) 6,000

สำหรับ Q69 คำถามคือ

ตัวอักษร “E” ในตัวย่อ ROE (Return on Equity) หมายถึงอะไร?


เฉลย:

  • ROE = Return on Equity
  • E หมายถึง Equity = “ส่วนของผู้ถือหุ้น”

:white_check_mark: ดังนั้นคำตอบคือ d) ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)

สำหรับ Q70 คำถามคือ

คำศัพท์ที่หมายถึงการนำ AI, IoT และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาปรับใช้กับงานด้านบุคคล เช่น การประเมินพนักงาน การสรรหาจ้างงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากร เรียกว่าอะไร?


เฉลย:

  • HR Tech (Human Resources Technology)
    คือการนำ เทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ใน งานบริหารทรัพยากรบุคคล เช่น ระบบสรรหาพนักงาน (Recruitment System), ระบบประเมินผล (Performance Management) และการอบรมออนไลน์ เป็นต้น

:white_check_mark: ดังนั้นคำตอบคือ c) HR Tech


สรุปเพิ่มเติม:

  • e-Learning → ใช้สำหรับการเรียนการสอนออนไลน์
  • Fintech → เทคโนโลยีทางการเงิน (Finance + Technology)
  • Competency → หมายถึง “ความสามารถ” ของบุคคล (ไม่ใช่เทคโนโลยี)

สำหรับ Q71 คำถามคือ

บุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการรับผิดชอบการวางกลยุทธ์ด้านระบบสารสนเทศที่เป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ทางธุรกิจ คือใคร?


เฉลย:

  • CIO (Chief Information Officer)
    คือผู้บริหารระดับสูงที่ กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้าน IT ขององค์กร เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การเลือกเทคโนโลยี, การลงทุนด้านไอที, และการบริหารความเสี่ยงทางเทคโนโลยี

:white_check_mark: ดังนั้น คำตอบคือ a) CIO


สรุปเพิ่มเติม:

  • CIO → รับผิดชอบกลยุทธ์ด้านระบบสารสนเทศระดับองค์กร
  • หัวหน้าผู้ใช้ระบบ (b) → เน้นการใช้งาน ไม่ใช่วางกลยุทธ์
  • ผู้จัดการโครงการ (c) → ดูแลโครงการย่อย ๆ
  • หัวหน้าฝ่ายวางแผนระบบ (d) → ออกแบบระบบ แต่ไม่วางกลยุทธ์ระดับสูง
ตำแหน่ง หน้าที่หลัก ตัวอย่าง
CIO (Chief Information Officer) วางกลยุทธ์ด้าน IT ทั้งองค์กรให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ กำหนดทิศทางการลงทุนใน IT, นโยบายความปลอดภัยข้อมูล, การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล
CTO (Chief Technology Officer) เน้นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในองค์กร พัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี, วิจัยเทคโนโลยีใหม่
CISO (Chief Information Security Officer) ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและระบบไอที ป้องกันการโจมตีไซเบอร์, จัดการความเสี่ยงข้อมูล

สำหรับคำถาม Q72 —
ตัวชี้วัดที่ใช้วัด “ประสิทธิภาพของการใช้เงินทุน” คือ:

:white_check_mark: ข้อ c) มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมด (total capital turnover)

อธิบายเพิ่มเติมสั้น ๆ:

  • Total Capital Turnover = รายได้จากการขาย ÷ เงินลงทุนทั้งหมด
  • ตัวชี้วัดนี้ใช้ดูว่า “เงินทุน” ที่ลงทุนไป สามารถหมุนเวียนสร้างรายได้ ได้กี่เท่า ถ้าหมุนได้หลายรอบก็แปลว่าใช้เงินได้มีประสิทธิภาพมากนั่นเองครับ :money_with_wings::sparkles:

สรุปตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial Ratios) ที่สำคัญๆ เช่น
ROA, ROE, Current Ratio, Debt Ratio + ตัวอื่นๆ ที่ควรรู้

:clipboard: ตารางสรุปตัวชี้วัดทางการเงิน

ตัวชี้วัดทางการเงิน (ชื่อเต็ม) สูตรคำนวณ ความหมาย
ROA (Return on Assets) กำไรสุทธิ ÷ สินทรัพย์รวม วัดประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์เพื่อสร้างกำไร (ผลตอบแทนจากสินทรัพย์)
ROE (Return on Equity) กำไรสุทธิ ÷ ส่วนของผู้ถือหุ้น วัดผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการลงทุนในบริษัท
Current Ratio (อัตราส่วนสภาพคล่องระยะสั้น) สินทรัพย์หมุนเวียน ÷ หนี้สินหมุนเวียน วัดความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท
Debt Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์รวม) หนี้สินรวม ÷ สินทรัพย์รวม วัดสัดส่วนหนี้สินที่บริษัทมีเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมด
Quick Ratio (อัตราส่วนสภาพคล่องเร็ว) (สินทรัพย์หมุนเวียน − สินค้าคงคลัง) ÷ หนี้สินหมุนเวียน วัดสภาพคล่องโดยไม่รวมสินค้าคงคลัง (เน้นเงินสดและลูกหนี้)
Gross Profit Margin (อัตรากำไรขั้นต้น) (ยอดขายสุทธิ − ต้นทุนขาย) ÷ ยอดขายสุทธิ วัดกำไรเบื้องต้นจากการขายสินค้าหรือบริการ
Operating Profit Margin (อัตรากำไรจากการดำเนินงาน) กำไรจากการดำเนินงาน ÷ ยอดขายสุทธิ วัดความสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานหลัก (ยังไม่หักดอกเบี้ยและภาษี)
Net Profit Margin (อัตรากำไรสุทธิ) กำไรสุทธิ ÷ ยอดขายสุทธิ วัดกำไรสุทธิที่ได้จากยอดขายทั้งหมด
Debt to Equity Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน) หนี้สินรวม ÷ ส่วนของผู้ถือหุ้น วัดความเสี่ยงทางการเงินโดยเทียบหนี้กับทุนผู้ถือหุ้น
EPS (Earnings Per Share) กำไรสุทธิ ÷ จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่าย วัดกำไรที่เกิดขึ้นต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น

:memo: สรุปแนวคิดโดยย่อ

  • ตัวที่เน้น “กำไร” เช่น ROA, ROE, Net Profit Margin → บอก “ความสามารถทำกำไร”
  • ตัวที่เน้น “หนี้” เช่น Debt Ratio, D/E Ratio → บอก “ความเสี่ยงทางการเงิน”
  • ตัวที่เน้น “สภาพคล่อง” เช่น Current Ratio, Quick Ratio → บอก “ความสามารถชำระหนี้ระยะสั้น”

สำหรับ Q73
คำถาม: ข้อใดต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของ ข้อตกลงที่จะไม่เปิดเผย (Non-Disclosure Agreement: NDA)

:white_check_mark: คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ c)

“สัญญาที่มีการระบุข้อมูลที่ได้จากผู้ว่าจ้างภายนอก (outsourcer) กับผู้รับจ้างภายนอก (outsourced) ว่าจะรักษาข้อมูลเป็นความลับที่ได้ให้บริการระหว่างที่มีการพัฒนาระบบ”


สรุปแบบสั้น ๆ เพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ:

หัวข้อ อธิบาย
NDA คืออะไร? ข้อตกลงที่คู่สัญญาตกลงร่วมกันว่าจะ ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับ
ตัวอย่างเนื้อหาใน NDA ข้อมูลทางเทคนิค, แผนการตลาด, รายชื่อลูกค้า, วิธีการทำงาน ฯลฯ
เหตุผลที่ทำ NDA เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหลไปยังบุคคลภายนอก

สรุปข้อตกลงไม่เปิดเผย (NDA) แบบตาราง

หัวข้อ รายละเอียด
ชื่อเต็ม Non-Disclosure Agreement (ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล)
วัตถุประสงค์ ปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น เทคโนโลยี, กลยุทธ์, ลูกค้า, ความลับทางธุรกิจ
คู่สัญญา ผู้เปิดเผยข้อมูล (Disclosing Party) และ ผู้รับข้อมูล (Receiving Party)
ข้อมูลที่คุ้มครอง ข้อมูลลับ เช่น ซอร์สโค้ด, รายงานการเงิน, แบบจำลองธุรกิจ, สูตรการผลิต
ประเภทของ NDA
  • Mutual NDA (ต่างฝ่ายต่างต้องปกป้องข้อมูล)
  • Unilateral NDA (ฝ่ายหนึ่งให้ข้อมูล อีกฝ่ายต้องรักษาความลับ)
ส่วนประกอบสำคัญในสัญญา
  • คำจำกัดความของข้อมูลลับ
  • ขอบเขตการใช้ข้อมูล
  • ระยะเวลาคุ้มครอง
  • ข้อยกเว้น
  • บทลงโทษหากละเมิด
ตัวอย่างการใช้งาน
  • ว่าจ้างบริษัทพัฒนาระบบ IT
  • การนำเสนอโปรเจกต์ใหม่กับนักลงทุน
  • การเจรจาซื้อขายกิจการ
ผลลัพธ์หากฝ่าฝืน ต้องชดเชยค่าเสียหายตามกฎหมาย และอาจมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม

:pushpin: สรุปสั้น ๆ อีกที

  • ถ้าอยากปกป้อง ข้อมูลลับ ➔ ใช้ NDA
  • ถ้ามีการทำงานร่วมกัน เช่น ว่าจ้างบริษัทภายนอก หรือ เสนอโปรเจกต์ใหม่ ➔ ควรเซ็น NDA ไว้เสมอ
  • NDA มีได้ทั้งแบบ สองฝ่าย หรือ ฝ่ายเดียว

ภาพที่ส่งมานี้เป็นข้อสอบเกี่ยวกับ Corporate Governance (บรรษัทภิบาล) ในหัวข้อ

Q74: จากมุมมองด้านบรรษัทภิบาล ข้อใดต่อไปนี้เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเฝ้าสังเกตและตรวจตรากระบวนการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร?

ตัวเลือก:

  • a) การติดตั้งกล้องเพื่อเฝ้าสังเกตการเข้าและออกจากห้องทำงานของประธานบริษัท
  • b) การร้องขอให้นักสืบเอกชนดำเนินการสืบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายบริหารเป็นระยะ
  • c) การแต่งตั้งกรรมการบริษัทบางส่วนให้มาจากบุคคลภายนอก :white_check_mark:
  • d) การว่าจ้างผู้สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายให้เป็นสมาชิกของแผนกตรวจสอบภายใน

:pencil2: คำตอบที่ถูกต้องคือ: ข้อ c) การแต่งตั้งกรรมการบริษัทบางส่วนให้มาจากบุคคลภายนอก

เหตุผล:

  • การมี “กรรมการภายนอก” (Independent Directors) จะช่วยให้การกำกับดูแลตรวจสอบการบริหารงานมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้จริง ไม่ลำเอียง เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารโดยตรง
  • เป็นหลักสำคัญในบรรษัทภิบาลทั่วโลก (เช่น ก.ล.ต. ของไทยก็แนะนำให้มีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของคณะกรรมการบริษัท)

:classical_building: สรุป Corporate Governance และบทบาทกรรมการภายนอก

หัวข้อหลัก รายละเอียดสำคัญ
Corporate Governance (บรรษัทภิบาล) ระบบโครงสร้างและกระบวนการควบคุมบริษัท เพื่อความโปร่งใส ยุติธรรม และรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและสังคม
เป้าหมายหลัก - เพิ่มความโปร่งใส (Transparency)
  • ลดการทุจริต (Fraud Prevention)
  • ป้องกันการตัดสินใจผิดพลาด (Risk Control)
  • สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder Trust)|
    |องค์ประกอบสำคัญ|- ความรับผิดชอบ (Accountability)
  • ความเป็นธรรม (Fairness)
  • ความโปร่งใส (Transparency)
  • การมีจริยธรรม (Ethical Conduct)
  • การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย (Responsibility to Stakeholders)|
    |บทบาทของกรรมการภายนอก|- ตรวจสอบการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร
  • เป็นตัวกลางที่เป็นกลางระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร
  • ให้ข้อเสนอแนะอย่างตรงไปตรงมา
  • เสนอแนวทางการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
  • ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อสาธารณะ|
    |ข้อดีของการมีกรรมการภายนอก|- ลดโอกาสการทุจริต
  • ช่วยให้มองภาพรวมจากภายนอกได้ดีกว่าคนในบริษัท
  • เสริมภาพลักษณ์การบริหารที่โปร่งใส|

:sparkles: แบบจำง่าย ๆ:

“บรรษัทภิบาล” = โปร่งใส ยุติธรรม มีความรับผิดชอบ :writing_hand:
“กรรมการภายนอก” = ตัวกลางอิสระที่คอยตรวจสอบ-แนะนำบริษัทอย่างไม่ลำเอียง :dart:

คำตอบที่ถูกต้องคือ:

:white_check_mark: ข้อ b) ISO 14001

สรุปสั้น ๆ เพิ่มให้ด้วยนะครับ:

มาตรฐาน ใช้สำหรับ หมายเหตุ
ISO 9000 ระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management) เน้นการจัดการคุณภาพของสินค้าและบริการ
ISO 14001 ระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (Environmental Management) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการของเสีย, มลพิษ
ISO/IEC 20000 การบริหารจัดการบริการไอที (IT Service Management) สำหรับบริษัทที่ให้บริการ IT เช่น Cloud, Support
ISO/IEC 27000 มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security) เช่น การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล, Cybersecurity
มาตรฐาน ใช้สำหรับ หมายเหตุ
ISO 9000 ระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management) เพิ่มคุณภาพสินค้าและบริการให้ตรงตามมาตรฐาน
ISO 14001 ระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (Environmental Management) ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การควบคุมมลพิษ
ISO/IEC 20000 การบริหารจัดการบริการไอที (IT Service Management) สำหรับผู้ให้บริการ IT เช่น Cloud, IT Support
ISO/IEC 27000 การบริหารความมั่นคงสารสนเทศ (Information Security Management) ปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลลูกค้า, ระบบไอที
ISO 22000 ระบบบริหารความปลอดภัยอาหาร (Food Safety Management) สำหรับองค์กรที่ผลิตอาหาร ป้องกันอาหารเป็นพิษ
ISO 45001 ระบบบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety Management) ลดอุบัติเหตุ และสุขภาพพนักงานในองค์กร
ISO 31000 การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) กำหนดวิธีประเมิน วิเคราะห์ จัดการความเสี่ยงขององค์กร

:bulb: สรุปสั้น ๆ

  • ISO 9000 → เน้นคุณภาพ
  • ISO 14001 → เน้นสิ่งแวดล้อม
  • ISO/IEC 20000 → เน้นบริการไอที
  • ISO/IEC 27000 → เน้นความปลอดภัยข้อมูล
  • ISO 22000 → เน้นความปลอดภัยอาหาร
  • ISO 45001 → เน้นอาชีวอนามัย ความปลอดภัยในการทำงาน
  • ISO 31000 → เน้นบริหารความเสี่ยง